1ปัญหาทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการพัฒนาประเทศ
ปัญหาทางเศรษฐกิจในชุมชนและแนวทางแก้ปัญหา
การพัฒนาประเทศและปัญหาเศรษฐกิจในชุมชน
การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ช่วยสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้กันประเทศ ใขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดปัญหาในหลายๆด้าน
เช่น
1.ปัญหาความไม่สมดุลของภาคเศรษฐกิจ
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในปัจจุบันมีการพึ่งพาต่างประเทศมากขึ้น
เช่น ต้องมีการนำเข้าเครื่องจักร
วัตถุดิบและเทคโนโลยี
รวมทั้งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศมากขึ้น รัฐบาลได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม พ.ศ. 2503
โดยให้สิทธิประโยชน์ต่างๆแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมรวมทั้งมีการตั้งคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนมีภารกิจในการส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในกิจการที่เป็นประโยชน์ของประเทศโดยการให้สิทธิในการลงทุน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจและสังคม
2.ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำในการกระจายรายได้
2.1ปัญหาการกระจายรายได้ กลยุทธ์การพัฒนาประเทศที่ให้ความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรม
ก่อให้เกดความไม่เป็นธรรมในการกระจายรายได้ระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมอย่างเห็นได้ชัด
แนวโน้มในปัจจุบันสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ส่วนสัดส่วนของภาคเกษตรกรรมลดลง
แต่การจ้างแรงงานของเกษตรกรรมยังคงสูงเท่าอุตสาหกรรม
อีกทั้งการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมยังกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพมหานคร เขตปริมณฑลและเมืองใหญ่ๆเท่านั้น
2.2
ปัญหาความยากจน แม้ปัญหาความยากจนมีแนวโน้มดีขึ้นในปัจจุบัน
โดยสัดส่วนคนจนลดลง
คนจนส่วนใหญ่อาศัยในชนบทประกอบอาชีพหลักทางการเกษตร
และหัวหน้าครัวเรือนมีการศึกษาชั้นประถมหรือไม่มีการศึกษา แต่ความเหลื่อมล้ำของรายได้ระหว่างกลุ่มต่างๆของชั้นรายได้มากขึ้น นอกเหนือจากความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ระหว่างบุคคลที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว ความไม่เท่าเทียมของรายได้ที่กระจายระหว่างภูมิภาคก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
ตัวอย่างปัญหาความยากจน ความยากจนที่เกิดขึ้นในชุมชน เช่น ปัญหาความยากจนที่มีผลสืบเนื่องมาจากสภาพดินฟ้าอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตทางเกษตรกรรมตกต่ำ
3
ปัญหาด้านคุณภาพชีวิต
ถึงแม้ว่าปัจจุบันคนไทยจะมีอายุยืนยาวขึ้นเนื่องจากการพัฒนาทางด้านสาธารสุข แต่กระแสวัตถุนิยมและบริโภคนิยม รวมทั้งการเป็นสังคมเมืองมากขึ้น มีผลทำให้วิถีชีวิตของประชากรไทยโดยเฉพาะชุมชนเมือง เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ปัญหาสุขภาพจิตมีมากขึ้น
ปัญหาสารเสพติดทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดปัญหาสังคม
4.ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยเท่าที่ผ่านมา
ก่อให้เกิดการขยายตัวด้านการผลิตสินค้าและบริการโดยมุ่งเน้นให้ความสำคัญเรื่องความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและการเพิ่มรายได้ของประชากรซึ่งมีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเป็นปัจจัยในการผลิตอย่างฟุ่มเฟือยขาดการวางแผนที่ดี
ดังนั้นทรัพยากรธรรมชาติจึงเสื่อมโทรมและลดลงอย่างรวกเร็วตามปริมาณการผลิตสินค้าและบริการที่เพิ่มมากขึ้น
5.ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ
พ.ศ.2540
ในช่วง พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2538 เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเร็วมาก
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต คือค่าแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาก
รวมทั้งค่าของเงินที่มีเสถียรภาพ
ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย พ.ศ. 2540 มีสาเหตุสำคัญจาก
1)
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในสัดส่วนที่สูงมาก ใน พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2539 บัญชีเดินสะพัดขาดดุลสูงถึง 8% และ7.9% ของมูลค่าผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) ตามลำดับ
2)
การพึ่งพิงเงินกู้จากต่างประเทศจำนวนมาก เนื่องจากมีการเปิดเสรีทางการเงิน
โดยการอนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ
ซึ่งนำไปสู่การลงทุนจำนวนมากในภาคเศรษฐกิจที่มิได้ก่อให้เกิดรายได้หรือก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิต
เช่น การเก็งกำไรที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
ทำให้เกิดอุปสงค์ในการเก็งกำไร
มีการลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อผลิตสินค้าสนองตอบอุปสงค์ในการเก็งกำไรให้ได้มากที่สุด
3) ปํญหาหนี้ด้อยคุณภาพหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non –
Performing Loan : NPLs) ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจใน
พ.ศ. 2540
ระบบสถาบันการเงินไทยมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ถึง 91
แห่ง ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ ร้อยละ 22
ของทรัพย์สินด้านการเงินและการธนาคารทั้งหมด สถาบันการเงินเหล่านี้
ใช้เงินกู้ยืมจากต่างประเทศเป็นแหล่งเงินทุนในการให้สินเชื่อ
อีกทั้งเงินกู้และการลงทุนของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ยังนำไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงประเภทอื่นๆ
เช่น การเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นเมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยตกต่ำลงคุณภาพและมูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันการกู้ยืมจึงปรับตัวลงตามไปด้วยสินทรัพย์บางส่วนกลายเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เนื่องจากลูกหนี้ไม่สามารถชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
ส่งผลกระทบให้สถาบันการเงินจำนวนมากขาดกระแสเงินสดเพื่อใช้ในการดำเนินงานหรือเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่อง
ในช่วง พ.ศ.
2528 ถึง พ.ศ. 2538 เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเร็วมาก
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต คือค่าแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ
ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาก รวมทั้งค่าของเงินที่มีเสถียรภาพ
ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย
พ.ศ. 2540 มีสาเหตุสำคัญจาก
1) การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในสัดส่วนที่สูงมาก ใน พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2539 บัญชีเดินสะพัดขาดดุลสูงถึง 8% และ7.9% ของมูลค่าผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) ตามลำดับ
2)
การพึ่งพิงเงินกู้จากต่างประเทศจำนวนมาก เนื่องจากมีการเปิดเสรีทางการเงิน
โดยการอนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ
ซึ่งนำไปสู่การลงทุนจำนวนมากในภาคเศรษฐกิจที่มิได้ก่อให้เกิดรายได้หรือก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิต
เช่น การเก็งกำไรที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ ทำให้เกิดอุปสงค์ในการเก็งกำไร
มีการลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อผลิตสินค้าสนองตอบอุปสงค์ในการเก็งกำไรให้ได้มากที่สุด
3) ปํญหาหนี้ด้อยคุณภาพหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non –
Performing Loan : NPLs) ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจใน
พ.ศ. 2540 ระบบสถาบันการเงินไทยมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ถึง
91 แห่ง ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ ร้อยละ 22
ของทรัพย์สินด้านการเงินและการธนาคารทั้งหมด สถาบันการเงินเหล่านี้
ใช้เงินกู้ยืมจากต่างประเทศเป็นแหล่งเงินทุนในการให้สินเชื่อ
อีกทั้งเงินกู้และการลงทุนของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ยังนำไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงประเภทอื่นๆ
เช่น การเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์
ดังนั้นเมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยตกต่ำลงคุณภาพและมูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันการกู้ยืมจึงปรับตัวลงตามไปด้วยสินทรัพย์บางส่วนกลายเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เนื่องจากลูกหนี้ไม่สามารถชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
ส่งผลกระทบให้สถาบันการเงินจำนวนมากขาดกระแสเงินสดเพื่อใช้ในการดำเนินงานหรือเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่อง
ในช่วง พ.ศ. 2528 ถึง พ.ศ. 2538 เศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตเร็วมาก
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต คือค่าแรงงานที่อยู่ในระดับต่ำ
ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่มาก รวมทั้งค่าของเงินที่มีเสถียรภาพ
ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทย พ.ศ. 2540 มีสาเหตุสำคัญจาก
1) การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในสัดส่วนที่สูงมาก ใน พ.ศ. 2538 และ พ.ศ. 2539 บัญชีเดินสะพัดขาดดุลสูงถึง 8% และ7.9% ของมูลค่าผลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
(GDP) ตามลำดับ
2)
การพึ่งพิงเงินกู้จากต่างประเทศจำนวนมาก เนื่องจากมีการเปิดเสรีทางการเงิน
โดยการอนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถกู้ยืมเงินจากต่างประเทศ
ซึ่งนำไปสู่การลงทุนจำนวนมากในภาคเศรษฐกิจที่มิได้ก่อให้เกิดรายได้หรือก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการผลิต
เช่น การเก็งกำไรที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์
ทำให้เกิดอุปสงค์ในการเก็งกำไร มีการลงทุนเป็นจำนวนมากเพื่อผลิตสินค้าสนองตอบอุปสงค์ในการเก็งกำไรให้ได้มากที่สุด
3) ปํญหาหนี้ด้อยคุณภาพหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Non –
Performing Loan : NPLs) ในช่วงก่อนเกิดวิกฤตปัญหาเศรษฐกิจใน
พ.ศ. 2540
ระบบสถาบันการเงินไทยมีบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์และบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ถึง 91
แห่ง ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ ร้อยละ 22
ของทรัพย์สินด้านการเงินและการธนาคารทั้งหมด สถาบันการเงินเหล่านี้
ใช้เงินกู้ยืมจากต่างประเทศเป็นแหล่งเงินทุนในการให้สินเชื่อ
อีกทั้งเงินกู้และการลงทุนของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ยังนำไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงประเภทอื่นๆ
เช่น การเก็งกำไรในตลาดหลักทรัพย์
ดังนั้นเมื่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยตกต่ำลงคุณภาพและมูลค่าสินทรัพย์ที่เป็นหลักประกันการกู้ยืมจึงปรับตัวลงตามไปด้วยสินทรัพย์บางส่วนกลายเป็นสินทรัพย์ด้อยคุณภาพหรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เนื่องจากลูกหนี้ไม่สามารถชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย
ส่งผลกระทบให้สถาบันการเงินจำนวนมากขาดกระแสเงินสดเพื่อใช้ในการดำเนินงานหรือเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น